หลายๆคนอาจเคยได้ยินหรือรู้กันอยู่แล้วว่าในญี่ปุ่น ผู้ที่มีรอยสักมักจะถูกห้ามไม่ให้ใช้ออนเซนสาธารณะ แต่เพื่อนๆรู้หรือเปล่าว่าทําไม่คนที่มีรอยสักนั้นถึงไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ออนเซนสาธารณะส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น?

มีการคาดการ์ณว่าในประมาณยุคสมัยนารา เป็นยุคที่เริ่มมีการรู้กจักรอยสักมากขึ้นเนื่องจากรอยสักถูกใช้เป็นวิธีการลงโทษอย่างหนึ่ง ถัดมาในยุคสมัยเอโดะ
รอยสักจะถูกสักลงบนผู้กระทําความผิดหรือนักโทษเท่านั้น อีกทั้งยังมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องที่ ตัวอย่างเช่น ในภูมิภาคคิวชู จังหวัดวะคะยามะ
ในสมัยก่อนนักโทษทจะถูกสักคันจิ「悪」 ที่แปลว่า แย่ ไม่ดี ไว้ที่แขน และถ้ากระทําผิดซํ้าสองจะมีการสักคันจิ　「大」ที่แปลว่า ใหญ่, อ้วนหรือคันจิสุนัข「犬」 ไว้บนหน้าผาก

แต่ในสมัยเมจิที่ญี่ปุ่นเริ่มติดต่อกับต่างชาติมากขึ้น ได้ทีการยกเลิกการสักบนตัวนักโทษเนื่องด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่ว่าการสักบนตัวเพื่อความสวยงามนั้นก็ยังคงเป็นสิ่งต้องห้ามเนื่องจากถูกมองว่าดูโหดร้าย ป่าเถื่อน

ถึงจะถูกห้ามในยุคเมจิ นักเลงและกลุ่มแก๊งค์ต่างๆก็ยังมีการสักกันอยู่เพราะถือเป็นวิธีการแสดงความภักดีต่อกลุ่ม ดังนั้นในญี่ปุ่น ผู้คนโดยเฉพาะคนรุ่นเก่า
จึงมีความภาพจําว่าคนที่มีรอยสัก เป็นนักเลง จึงเป็นสาเหตุให้คนที่มีรอยสักถูกห้ามไม่ให้เข้าออนเซนนั่นเอง

แต่เนื่องจากสมัยนี้มีการสักแฟชั่นเพิ่มขึ้น ออนเซนบางแห่งจึงอนุญาตให้ผู้มีรอยสักเข้าหากสวมชุดว่ายนํ้าที่ปกปิดรอยสัก หรือออนเซนบางแห่งก็อนุญาตให้ผู้ที่มี
รอยสักเข้าใช้ได้ปกติ

ตัวอย่างของออนเซนที่ผู้ที่มีรอยสักเข้าได้คือ 夢の公衆浴場 五色 (Public bathhouse of Yume Goshiki) ตั้งอยู่ในโอซาก้า เดิน15นาทีจากสถานีโชไน
(รถไฟHankyu สายสีนํ้าตาล Takarazuka) ใช้ทางออกตะวันตก (庄内駅、 西口)
เบอร์ติดต่อ 0663314126
ข้อมูลเพิ่มเติม https://tattoo-ja.com/facility/public-bath/nB59e7YUoC2lzxpKmJIS

อ้างอิง https://allabout.co.jp/gm/gc/444378/