Toyota จะเปลี่ยนพื้นที่ 175 เอเคอร์ ในญี่ปุ่น ให้เป็นเมืองต้นแบบแห่งอนาคต คาดแล้วเสร็จปลายปี 2021!!
พื้นที่โครงการสร้างเมืองต้นแบบแห่งอนาคต มีขนาด 175 เอเคอร์ ที่เคยเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ของ Toyota และอยู่บริเวณฐานของภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งได้สถาปนิกชื่อดังชาวเดนมาร์ก Bjarke Ingels มารับหน้าที่เป็นผู้ออกแบบโครงการ เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยราว 2,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานของ Toyota ที่ได้รับการคัดเลือกและยินดีเข้ามาอยู่พร้อมกับครอบครัว
เมืองต้นแบบแห่งอนาคตของ Toyota จะถูกเรียกว่า Woven City ซึ่งตั้งชือตามถนนและทางเท้า 3 รูปแบบ ที่จะถูกผสานเข้าด้วยกันในรูปแบบ Organic Grid ถนนรูปแบบแรก ถูกออกแบบมาสำหรับยานยนต์ที่มีความเร็วเท่านั้น ถนนรูปแบบที่สอง รองรับยานพาหนะที่มีความเร็วปานกลาง อย่างจักรยาน สกูตเตอร์ รวมถึงคนเดินเท้า และถนนรูปแบบที่สาม ถูกจำกัดไว้เป็นทางเดินสาธารณะ เฉพาะเดินเท้าเท่านั้น
Woven City จะถูกใช้เป็นสถานที่ทดสอบยานยนต์ของ Toyota ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยตัวเอง รวมถึงยานพาหนะที่ให้บริการ Ride-sharing, Carpooling และ ระบบขนส่งต่างๆ จากสำนักงาน, ร้านค้าปลีก, สถานพยาบาล, โรงแรม และอื่นๆ
บ้านพักอาศัยใน Woven City จะได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีสมาร์ทโฮม พร้อมนำหุ่นยนต์มาข่วยในการดำเนินชีวิตประชำวัน ตัวบ้านยังมีเทคโนโลยี AI มาคอยตรวจสอบสุขภาพของสมาชิกในครอบครัว รวมถึงดูแลความต้องการขั้นพื้นฐาน และปรับปรุงการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างโอกาสให้มนุษย์ได้เชื่อมต่อกับเทคโนโลยีด้วยความเชื่อมั่น ปลอดภัย และ วางใจได้
ที่มา – The Verge
https://www.flashfly.net/wp/280194
เมืองต้นแบบแห่งอนาคตของ Toyota จะถูกเรียกว่า Woven City ซึ่งตั้งชือตามถนนและทางเท้า 3 รูปแบบ ที่จะถูกผสานเข้าด้วยกันในรูปแบบ Organic Grid ถนนรูปแบบแรก ถูกออกแบบมาสำหรับยานยนต์ที่มีความเร็วเท่านั้น ถนนรูปแบบที่สอง รองรับยานพาหนะที่มีความเร็วปานกลาง อย่างจักรยาน สกูตเตอร์ รวมถึงคนเดินเท้า และถนนรูปแบบที่สาม ถูกจำกัดไว้เป็นทางเดินสาธารณะ เฉพาะเดินเท้าเท่านั้น
Woven City จะถูกใช้เป็นสถานที่ทดสอบยานยนต์ของ Toyota ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยตัวเอง รวมถึงยานพาหนะที่ให้บริการ Ride-sharing, Carpooling และ ระบบขนส่งต่างๆ จากสำนักงาน, ร้านค้าปลีก, สถานพยาบาล, โรงแรม และอื่นๆ
บ้านพักอาศัยใน Woven City จะได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีสมาร์ทโฮม พร้อมนำหุ่นยนต์มาข่วยในการดำเนินชีวิตประชำวัน ตัวบ้านยังมีเทคโนโลยี AI มาคอยตรวจสอบสุขภาพของสมาชิกในครอบครัว รวมถึงดูแลความต้องการขั้นพื้นฐาน และปรับปรุงการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างโอกาสให้มนุษย์ได้เชื่อมต่อกับเทคโนโลยีด้วยความเชื่อมั่น ปลอดภัย และ วางใจได้
ที่มา – The Verge
https://www.flashfly.net/wp/280194